เรื่องการศึกษา วัฒนธรรม ทรัพย์สินทางปัญญา ภูมิปัญญาท้องถิ่น สังคม จิตวิทยา และสารพัดที่เกี่ยวกับมวลชน ในเมื่อเราไม่สามารถพึ่งการศึกษาเพื่อจะพัฒนาคนรุ่นเก่าแบบสากลได้ ก็จำเป็นต้องใช้จิตวิทยามวลชน มาสร้างคนให้รู้สึกภูมิใจในภูมิปัญญาท้องถิ่น ซึ่งสิ่งนี้เป็นงานถนัดของกระทรวงมวลชนเขา สามารถทำให้ชาวบ้านเกิดความภาคภูมิใจ ทำงานแบบผู้นำ งานการมั่นคง งานอาชีพท้องถิ่น สามารถเป็นปราชญ์และผู้เชี่ยวชาญได้ทั้งแผ่นดิน ในระดับท้องถิ่นหรือในระดับสากล ต้องอาศัยภาครัฐผลักดันให้วิ่งเก็บตลาดและฐานลูกค้าแบบไม่สนใจจะลุกไปเสียน้ำลายกับใครในเวทีเจรจาการค้าทุกอย่าง ขอฐานลูกค้าไว้ก่อน และต้องเป็นยี่ห้อของข้อยของพวกเราไม่ได้มาหาซื้องานเกษตรงานภูมิปัญญาของเราและไปดัดจริตติดยี่ห้อประเทสที่พัฒนาแล้วไปขายติดแบรนด์ดังอยู่ในตลาดระดับบนของทางตะวันออกสุดตะวันตกสุดอย่างที่เคยทำมา พวกที่เพิ่งมีแบรนนวัตกรรมใหม่ๆ ถล่มตลาดโลกต้องรีบบินมาดูว่าไอ้นี่มันจะโกอินเตอรได้จริงหรือเปล่า มาทุกรูปแบบกลัวถูกแย่งส่วนแบ่งลูกค้า หาทางกีดกันทางการค้าวิธีไหนดีหนอ มันจะได้อยู่ใต้เส้นความยากจนไปตราบนานเท่านาน และไอ้ยี่ห้อสารพัดมันแตกเหล่าแตกกอไปถึงไหนแล้ว รวมทั้งหลายทั้งปวงที่เกี่ยวกับความหลากหลายทางชีวภาพ พวกพืชสัตว์ จุลินทรียอะไรพวกนี้ไหม กลัวนวัตกรรมชาวบ้านจะเยี่ยมยุทธบุกตลาดโลก จนเกิดกระแส ถล่มพวกแมวคิคิดๆ กับพวกเต้นม้าย่องเลียนแบบระบำมโนมัยของเราสมัยก่อนก็มี บางอย่างมันฉลาดแบบจดพาเทนท์ได้หรือยัง ยิ่งมันเหิมเกริมจดทะเบียนมรดกโลก เดี๋ยวจะสกัดมันไม่ทัน เกี่ยวมันจดพาเทนหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงขึ้นมาจะทำไงเนี่ย สะใจจริงๆเลยวุ้ย พอได้ฝึกทำอะไรอย่างชาวบ้าน รู้สึกห่วงใยว่าต้นทุน การเกษตรและปศุสัตว์หากภาครัฐควบคุมและประกันราคาขายให้ชาวบ้านได้ หรือเร่งผลิตคนรุ่นใหม่ที่มีการศึกษาดี สามารทำธุรกิจได้อย่างครบวงจรอย่างเจ้าของที่ดินในยุโรป อเมริกา หรือประเทศที่พัฒนาแล้ว ชาวบ้านคงลบความยากจนทิ้งไปจากแผ่นดินไทย และนักพัมนาเลิกพัฒนาสิ่งที่จับต้องได้ มาเป็นนักพัฒนาจิตใจกันหมด มันยอดเลยนะเนี่ย ปล่อยข่าวไปไม่เท่าไหร่ นับว่าใช้ได้ เราคงใกล้จะเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วในชาตินี้ หารายได้ หาตลาดทั่วโลก แล้วเอาเงินจากคนที่รายได้สูงสุดของประเทศ และตลาดทุนห้าสิบเปอรเซนของกำไรและภาษีมาพัฒนาบ้านเมืองเน้นจิตใจและการศึกษาของประชาชน และ ดอกเบี้ยของพวกค้าเงินตลาดเงินให้จ่ายให้ภาครัฐหนักๆ ดอกเบี้ยเป็นศูนยอย่างบางประเทศ หรือ ไล่พวกสถาบันการเงินนอกคอกออกไปอาศัยขูดดอกเบียชาวบ้านที่ดาวอังคารโน่น เอเลี่ยนตัวจริง หรือส่งกลับบ้านเมืองที่หอบเสื่อผืนหมอนใบนั่นมาด้วย จ้องจะเอาเปรียบชาวบ้านตาดำๆดีนัก
Really our sufficiency economic villages...still be our King wisdom knowledge patent and copy right...we work and send our CDD volunteer and officers across the world...right now..with great innovation for wisdom leaders ...make strong communities...make this world can have better life...full sustainable too...
Sugar and HBD month for me CDD...
http://www.inspector.cdd.go.th/web/home/tsd_detail.php?news_id=554&tsdmod_file=tsdmod_gallerydetail&tsdmod_list=tsdmod_gallerylist&cat_id=13
นางประพีร์ เกิดเพิ่มพูล หัวหน้าผู้ตรวจราชการกรม และคณะผู้ตรวจราชการกรม ร่วมพิธีเปิดงานแสดงผลการพัฒนาหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงต้นแบบ | ||||||
วันที่ 9 กันยายน 2556 ณ อาคารรัฐประศาสนภักดี ชั้น 2 ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษาฯ
วันที่ลงประกาศ : 2013-09-09 09:28:41
|
“เศรษฐกิจพอเพียง” เป็นปรัชญาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำรัสชี้แนะแนวทาง การดำเนินชีวิตแก่พสกนิกรชาวไทยมาโดยตลอดนานกว่า 25 ปี ตั้งแต่ก่อนเกิดวิกฤติการณ์ทางเศรษฐกิจ และเมื่อภายหลังได้ทรงเน้นย้ำ แนวทางการแก้ไขเพื่อให้รอดพ้น และสามารถดำรงอยู่ได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนภายใต้กระแสโลกาภิวัตน์และความเปลี่ยนแปลง มีหลักพิจารณา ดังนี้
กรอบแนวคิด เป็นปรัชญาที่ชี้แนะแนวทางการดำรงอยู่และปฏิบัติตนในทางที่ควรจะเป็นโดยมีพื้นฐานมาจากวิถีชีวิตดั้งเดิมของสังคมไทย สามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้ตลอดเวลา และเป็นการมองโลกเชิงระบบที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา มุ่งเน้นการรอดพ้นจากภัยและวิกฤติ เพื่อความมั่นคงและความยั่งยืนของการพัฒนาคุณลักษณะ เศรษฐกิจพอเพียงสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับการปฏิบัติตนได้ในทุกระดับ โดยเน้นการปฏิบัติบนทางสายกลาง และการพัฒนาอย่างเป็นขั้นตอน
คำนิยาม ความพอเพียงจะต้องประกอบด้วย 3 คุณลักษณะพร้อม ๆ กัน ดังนี้
1. ความพอประมาณ หมายถึง ความพอดีที่ไม่น้อยเกิดไปและไม่มากเกินไป โดยไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น เช่น การผลิตและการบริโภคที่อยู่ในระดับพอประมาณ2. ความมีเหตุผล หมายถึง การตัดสินใจเกี่ยวกับระดับของความพอเพียงนั้นจะต้องเป็นไปอย่างมีเหตุผล โดยพิจารณาจากเหตุปัจจัยที่เกี่ยวข้องตลอดจนคำนึงถึงผลที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจากการกระทำนั้น ๆ อย่างรอบคอบ
3. การมีภูมิคุ้มกันที่ดีในตัว หมายถึง การเตรียมตัวให้พร้อมรับผลกระทบ และการเปลี่ยนแปลงด้านต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นโดยคำนึงถึงความเป็นไปได้ของสถานการณ์ต่าง ๆ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคตทั้งใกล้และไกล
เงื่อนไข การตัดสินใจและการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ให้อยู่ในระดับพอเพียงนั้น ต้องอาศัยทั้งความรุ้ และคุณธรรมเป็นพื้นฐาน กล่าวคือ
1. เงื่อนไขความรู้ ประกอบด้วย ความรอบรู้เกี่ยวกับวิชาการต่าง ที่เกี่ยวข้องอย่างรอบด้าน ความรอบคอบที่จะนำความรู้เหล่านั้นมาพิจารณาให้เชื่อมโยงกัน เพื่อประกอบการวางแผนและความระมัดระวังในขั้นปฏิบัติ
2. เงื่อนไขความธรรม ที่จะต้องเสริมสร้างประกอบด้วย มีความตระหนักในคุณธรรม มีความชื่อสัตย์สุจริต และมีความอดทน มีความพากเพียร ใช้สติปัญญาในการดำเนินชีวิต
แนวทางปฏิบัติ/ผลที่คาดว่าจะได้รับ จากการนำปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้ คือ การพัฒนาที่สมดุลและยั่งยืน พร้อมรับต่อการเปลี่ยนแปลงในทุกด้าน ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคมสิ่งแวดล้อม ความรู้และเทคโนโลยี
หลักการสำคัญ 5 ประการของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงคือ
1.ความพอประมาณ คือ ความพอดีๆ ไม่น้อยเกินไป ไม่มากเกินไป ไม่เติบโตเร็วเกินไป ไม่ช้าเกินไปและไม่สุดโต่ง
2.ความมีเหตุผล คือ ทุกอย่างต้องมีที่มาที่ไป อธิบายได้ การส่งเสริมกันในทางที่ดี สอดคล้องกับหลักการพุทธธรรม คือหลักปฏิจจสมุปบาท และอิทัปปัจจยตา ที่กล่าวถึงความเป็นเหตุเป็นผล เพราะมีสิ่งนี้ทำให้เกิดสิ่งนี้ ทุกสิ่งเกิดขึ้นตามเหตุปัจจัย
3.ความมีภูมิคุ้มกันที่ดี จะต้องปกป้องคุ้มครองไม่ให้เกิดความเสี่ยงที่ไม่ควรจะเป็น เช่น เกิดความเสี่ยงเพราะมีความโลภมากเกินไป หรือเสี่ยงเพราะปล่อยกู้มากเกินไป หรือกักตุนสินค้าเพื่อเก็งกำไรมากเกินไป จนก่อให้เกิดความเสี่ยง
4.ความรอบรู้ ต้องมีความรอบคอบ มีการใช้ความรู้ใช้วิชาการด้วยความระมัดระวัง ไม่บุ่มบ่าม มีการจัดการองค์ความรู้ที่ดี ดำเนินการอย่างรอบคอบถ้วนทั่ว รอบด้านครบทุกมิติ
5.คุณธรรมความดี เป็นพื้นฐานของความมั่นคง หากเปรียบเป็นต้นไม้ใหญ่ถือเป็นรากแก้วและรากแขนงที่มีขนาดและคุณภาพเพียงพอ โดยมีเศรษฐกิจเป็นรากฝอยคอยหล่อเลี้ยง ที่ประกอบด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต มานะอดทนและพากเพียร
http://www.farmkaset.org/contents/?content=00575#
http://weloveanimals.exteen.com/20070402/frog
|
ศาลฎีกา เปิดคลินิกให้คำปรึกษาด้านจิตสังคม
Post : Saturday 21 September 2013-18:00:46
Post : Saturday 21 September 2013-18:00:46
วันนี้ วันที่ 21 ก.ย. เวลา 22:43 น.
http://www.tv5.co.th/web56/show_news.php?id=16712
ประธานศาลฎีกา เปิดคลินิกให้คำปรึกษาด้านจิตสังคม โดยมีเป้าหมายป้องกันและแก้ไขปัญหาสังคมในระยะยาว
นาย ไพโรจน์ วายุภาพ ประธานศาลฎีกา เป็นประธานในพิธีเปิดคลินิกให้คำปรึกษาด้านจิตสังคม ของศาลจังหวัดนนทบุรี และศาลแขวงนนทบุรี ซึ่งคลีนิกนี้จะให้คำปรึกษาด้านจิตสังคม พร้อมแนวปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม พร้อมทั้งลงนามบันทึกข้อตกลง ความร่วมมือในการคุ้มครองสิทธิ์ และให้คำปรึกษาด้านจิตสังคม แก่ผู้ต้องหาหรือจำเลยในระบบศาลยุติธรรม โดยให้ทำงานร่วมกัน ทั้งด้านองค์ความรู้ และแนวทางปฏิบัติ เพื่อให้ไปในทางทิศเดียวกัน อย่างไรก็ตามจะมีการส่งต่อการแก้ไขบำบัดฟื้นฟูระหว่างหน่วยงาน ภาครัฐและเอกชนรวมทั้งสิ้น 7 แห่งด้วยกัน ทั้งนี้คาดว่าการจัดทำโครงการดังกล่าว จะทำให้ผู้ต้องหาหรือจำเลยไม่กลับมากระทำซ้ำอีก รวมทั้งสามารถปรับตัวเป็นพลเมืองดีได้ อันจะเป็นการป้องกันและแก้ไขปัญหาสังคมในระยะยาว
ที่มาของข่าว : ททบ.5
วิธีกำจัด หอยทาก
วิธีกำจัด หอยทาก วัชพืชตัวร้าย หอยทาก จัดอยู่ในประเภทสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง และจะพบแพร่หลายในช่วงฤดูฝน เพื่อออกหา...
อัปเดท ( 11 ตุลาคม 2554 ) , เข้าชมแล้ว (22,130) , ความคิดเห็น (0) , สั่งพิมพ์คลิกที่นี่
ข้อมูลอย่างย่อ วิธีกำจัด หอยทาก วัชพืชตัวร้าย หอยทาก จัดอยู่ในประเภทสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง และจะพบแพร่หลายในช่วงฤดูฝน เพื่อออกหากิน ในเวลากลางคืน เวลากลางวัน จะอาศัยที่ร่มหลบแสงแดด หอยทากมีการเจริญเติบโตอย่าง... |
วิธีกำจัด “หอยทาก” วัชพืชตัวร้าย
อ้างอิง: www.wdoae.doae.go.thหอยทาก จัดอยู่ในประเภทสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง และจะพบ แพร่หลายในช่วงฤดูฝน เพื่อออกหากิน ในเวลากลางคืน เวลากลางวัน จะอาศัยที่ร่มหลบแสงแดด หอยทากมีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว และเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ เมื่ออายุได้ประมาณ 5 ถึง 8 เดือน ชอบวางไข่ ตามซากกองใบไม้ ขอนไม้ที่ผุ หรือใต้ผิวดินที่ร่วนซุยและชื้น วางไข่ เป็นกลุ่มๆ กลุ่มละ 200-300 ฟอง ตัวหนึ่งๆจะวางไข่ได้ปีละประมาณ 1,000 ฟอง เมื่อฟักออกเป็นตัวอ่อนแล้วเปอร์เซ็นรอดน้อยมาก หอยทากมีอายุยืนเฉลี่ยประมาณ 5 ปี และถึงจะเป็นสัตว์ที่เคลื่อนที่ช้าแต่ก็สามารถกัดกินยอดอ่อน ทําลายผลผลิตของ เกษตรกรได้อย่างคาดไม่ถึงเช่นกัน ซึ่งวิธีการกําจัดหอยทาก มีดังนี้ 1.กากกาแฟ นอกจากจะเป็นปุ๋ยได้อย่างดีแล้ว คาเฟอีนที่อยู่ในกาแฟยังเป็นสารพิษขนานเอกของและหอย ทากอีกด้วย นํากากกาแฟมาโรยไว้รอบๆแปลงผัก หรือรอบๆ กระถาง ความหยาบของกากกาแฟจะช่วยไม่ให้หอยทากเดินผ่านเข้าไปกินพืชผัก เพราะกากกาแฟจะติดลําตัวหอยทากเมื่อมันเดินผ่าน และกาแฟดําเข้มข้นที่มีส่วนผสมของคาเฟอีนเยอะ ก็สามารถนํามาฉีดพ่นให้ทั่วแปลงผัก เพื่อป้องกันแมลง ทาก และ หอยทาก ไม่ให้กิน ใบพืชได้อีกด้วย หรือหากมันกินเข้าไปจะตายทันที เพราะฤทธิ์ของคาเฟอีนนั่นเอง หากจะฉีดพ่นทางใบควรใช้กาแฟดําเข้มข้นผสมนํ้า อัตราส่วนเข้มข้น 1 ถ้วยต้องมีคาเฟอีนไม่ตํ่ากว่า 1-2 % หากเจือจางจะเหมือนนํ้าชาทั่วไปจะไม่สามารถทําให้ตายได้ 2.หินภูเขาไฟ มีอยู่หลายชนิด ลักษณะมีฟองอากาศอยู่ข้างใน เป็นรูโพรงเหมือนฟองนํ้า นอกจากจะนํามา เลี้ยงปลา เลี้ยงกุ้ง และใช้ปลูกไม้ดอกไม้ประดับ และยังสามารถนํามาโรยรอบๆ กระถางหรือแปลงผัก เพื่อ ป้องกันหอยทากได้ด้วย เพราะหินภูเขาฟะมีความคมและหยาบถึงขั้นบาดผิวหนังได้เลย ซึ่งเป็นสิ่งที่หอยทากไม่ ชอบ เพราะมันต้องใช้ลําตัวเดิน นอกจากนี้หินภุเขาไฟมีพลังลึกลับในตัวของมันเอง มีแรงดึงดูดเหมือนแม่เหล็ก หากหอยทาก เดินผ่านมันจะหมดเรี่ยวแรงทันที 3.สาหร่ายทะเล เป็นพืชที่เราสามารถนํามาป้องกันหอยทากได้ โดยการนําสาหร่ายไปตากแดดให้แห้ง และนํามาวางไว้รอบๆ แปลงผัก หรือรอบๆกระถาง หอยทากจะไม่มาใกล้ เพราะสาหร่ายทะเลมีความเค็มอยู่ใน ตัว และเวลาแห้งแล้วมันจะหยาบๆ กรอบๆ หอยทากไม่ชอบอะไรที่เค็มๆ หยาบๆ 4.ลวด ให้นําลวดมาพันไว้รอบกระถางต้นไม้ หรือหากปลูกพืชลงดิน ก็ให้หาแผ่นไม้เก่าๆ ที่ไม่ใช้แล้วมา ทํารั้วกั้นแปลงผัก ความสูงจากดินประมาณ 1 คืบ แล้วใช้ลวดมาวางราบกับสันไม้ จากนั้นตอกยึดลวดให้เป็น แนวขนานกับไม้เพื่อป้องกันหอยทากเดินเข้าไปกินแปลงผัก เพราะลวดที่ตากแดดในตอนกลางวัน จะมีพลังงานจากแสงอาทิตย์เก็บอยู่เป็นจํานวนมากพอที่จะช๊อตหอยทากได้เมื่อปากหรือหนวดของมันไปสัมผัสกับลวด แล้วมันจะหันเหไปทิศทางอื่น 5.เปลือกไข่ มีประโยชน์สารพัด ไม่ใช่แค่ปุ๋ยอย่างดี แต่เป็นเพชรฆาตของหอยทากเลยทีเดียว นําเปลือก ไข่ไปล้างให้สะอาด ตากแดดให้แห้ง แล้วนํามาบี้ให้แตกเป็นชิ้นๆ ไม่ใหญ่หรือเล็กจนเกินไป แล้วนําไปโรยไว้ รอบแปลงผัก หรือรอบกระถางต้นไม้ โดยหงายเปลือกด้านในสีขาวขึ้น ห้ามควํ่า เปลือกไข่ที่คมจะบาดลําตัวของ ทากและหอยทาก และในเปลือกไข่จะมีสารแคลเซียมคาร์บอเนตที่ทากและหอยทากไม่ชอบ ซึ่งจะละเหยออกมา ทําให้มันไม่เข้าใกล้ 6.กระเทียม มีธาตุกํามะถันสูง ที่สามารถต่อต้าน ขจัด ยับยั้ง และป้องกันสัตว์และแมลงต่างๆ ได้เป็น อย่างดี โดยการนํากระเทียมประมาณ 2-3 กํามือ มาตําให้ละเอียด แล้วนําไปแช่นํ้า 1 แกลลอน หรือ 16 ถ้วย (ตัก เปลือกกะเทียมที่ลอยอยู่ทิ้งไป) แช่นํ้าค้างคืนไว้ 1 คืน จากนั้นกรองนํ้ากระเทียมด้วยผ้าขาวบาง เอาแต่นํ้าและ นําไปฉีดพ่นตามแปลงผัก และตามกระถางต้นไม้ให้รอบ กลิ่นของกระเทียมจะขับไล่หอยทาก และแมลงต่างๆ ออกไป โดยไม่เป้นอันตรายต่อสัตว์เลี้ยงและสภาพแวดล้อมแต่อย่างใด 7.ถ่านที่ใช้หุงต้ม วิธีการโดยการนําถ่านมาบดให้เป็นผงๆ หยาบๆ ไม้ที่ใช้เผาถ่านบางชนิด มีความแข็งมาก เมื่อนํามาบดถ่านจะมีมุมแหลมๆ แข็งๆที่สามารถบาดลําตัวของหอยทากได้ และถ่านที่ตากแดดไว้ อย่างน้อย3 ชั่วโมง จะมีพลังงานกระแสไฟฟ้าสะสมอยู่ เมื่อหอยทาก เดินผ่านจะโดนถ่านดูด ลักษณะคล้ายไฟดูด ทําให้ทากและหอยเสียการทรงตัว มึนๆ แต่ไม่ถึงตาย ซึ่งสามารถใช้เป็นรั้วป้องกันขโมยได้อีกทางหนึ่ง หรือถ้ามี ปริมาณมากก็ต้องกําจัดด้วยสารเคมีจําพวกนิโคลชาไมด์ เมทไทโอคาร์บ หรือเมททัลดีไฮด์ ในอัตราส่วนที่เหมาะสม |
อาชีพปลูกหม่อนเลี้ยงไหมมิได้เป็นเพียงอาชีพที่สร้างรายได้ให้เกษตรกรอย่างสม่ำเสมอตลอดปีเท่านั้น แต่ยังเป็นการเกษตรที่ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม และความสมดุลทางธรรมชาติให้กับระบบนิเวศน์ด้วยปริมาณการใช้สารเคมีที่น้อยกว่าการเกษตรแขนงอื่น ๆ ด้วยเหตุนี้ โครงการส่งเสริมการเลี้ยงไหมเพื่อผลิตรังไหมจึงเกิดขึ้นภายในจิม ทอมป์สัน ฟาร์ม โดยมีพันธกิจหลักคือมุ่งพัฒนาพันธุ์ไหมให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมของประเทศไทย เผยแพร่ความรู้แก่ผู้สนใจและส่งเสริมให้เกษตรกรท้องถิ่นประกอบอาชีพเลี้ยงไหมจากไข่ไหมที่จิม ทอมป์สัน ฟาร์มจำหน่าย เพื่อขายรังไหมให้โรงงานผลิตเส้นไหมของบริษัทต่อไป
จากการคิดค้นพัฒนาพันธุ์ไหมเป็นเวลาหลายปี บัดนี้ จิม ทอมป์สัน ฟาร์มสามารถพัฒนาพันธุ์ไหมที่ทนต่อสภาพดินฟ้าอากาศของประเทศไทยและให้ผลผลิตสูงได้สำเร็จ โดยพันธุ์ไข่ไหมคุณภาพทั้ง 2 พันธุ์ที่ทางฟาร์มจะทำการผลิตเพื่อจำหน่ายแก่เกษตรกรเลี้ยงไหมในท้องถิ่น ได้แก่
เมื่อตัวไหมจากไข่ไหมที่สมาชิกเกษตรกรซื้อจากจิม ทอมป์สัน ฟาร์มเริ่มทำรัง เกษตรกรจึงขายรังสดคืนให้กับฟาร์ม เพื่อนำเข้าโรงงานผลิตเส้นไหม ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ อ.ปักธงชัย แห่งนี้ต่อไป
วงจรชีวิตไหมมี 4 ระยะ ได้แก่ ไข่ไหม หนอนไหม ดักแด้ และผีเสื้อ
|